Author Archives: igicosmetics

โจโจ้บาออยล์ (Jojoba oil) น้ำมันสีเหลืองทอง ที่สกัดมาจากเมล็ดของต้น Simmondsia chinensis ซึ่งเป็นพืชพันธุ์พุ่มที่เติบโตแถบทางตะวันตกเฉียงเหนือของของแม็กซิโก ทางใต้ของรัฐอริโซนา

สุดยอดสารสกัดที่ช่วยบำรุงผิว ชื่อคุ้นหูที่ได้ยินบ่อยๆในอผลิตภัณฑ์บำรุงผิต่างๆนั่น
มีสรรพคุณช่วยเรื่องอะไรบ้าง

• ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
• มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
• ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
• ช่วยในการสมานแผลลดการอักเสบ
• ลดสิวอุดตัน ทำความสะอาดรูขุมขน
• อุดมไปด้วยวิตามินอี ช่วยสะท้อนรังสียูวีและผิวไหม้แดด

“ลูกค้าท่านใดสนใจเป็นเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ที่มีสารสกัดจาก JOJOBA OIL ทักมาปรึกษาแอดมินได้เลยค่าาา”

COFFEE / สครับกาแฟ
เนื้อค่อนข้างหยาบ มีกลิ่นหอมของกาแฟ ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ เหมาะกับทุกสภาพผิว
APRICOT / สครับแอปริคอต
เม็ดสครับ ที่ผ่านการบดละเอียดอย่างประณีต เพื่อให้การขัดผิวอย่างธรรมชาติ และ
มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการขัดเปลี่ยนเซลล์ผิว ที่เสียแล้ว ให้หลุด ออก เพื่อ สร้างเซลล์ผิวใหม่ที่ ขาว นุ่ม ลื่น น่าสัมผัส

SALT / สครับเกลือ
สครับเกลือคือ “เจ้าแม่แห่งวงการสครับ” เนื้อหยาบ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าได้ดีกว่าสครับขัดผิวชนิดอื่นๆ ลดการอักเสบ เหมาะกับผิวปกติและผิวมัน
SUGAR / สครับน้ำตาล
เนื้อค่อนข้างเนียนละเอียด ช่วยให้ผิวเรียบเนียน มีความชุ่มชื้น นอกจากนี้น้ำตาลยังกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ไวมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีมากขึ้นด้วย

Tamarind / สครับมะขาม
สมุนไพรจากธรรมชาติที่ขึ้นชื่อว่าช่วยเรื่องผิวเนียนนุ่ม ขาวผ่อง สรรพคุณของมะขามยังช่วยลดความหมองคล้ำ ทั้งรอยดำ ฝ้า กระ ให้ดูจางลง
Turmeric / สครับขมิ้น
ช่วยทำให้ผิวพรรณผุดผ่องปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำตามร่างกาย ช่วยทำให้ผิวเนียนและรู้สึกสะอาดหลังการใช้

วิตามินซี (Vitamin C)

วิตามิน C (Vitamin C) เป็นวิตามินที่สำคัญสำหรับร่างกายมนุษย์ มันมีหลายประโยชน์ต่อสุขภาพ และสามารถถูกสกัดมาใช้ในรูปแบบของสารสกัดได้หลากหลาย ซึ่งสารสกัดจากวิตามินซีมักถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและเสริมสร้างร่างกายได้มากมาย นอกจากนี้ เรายังได้รับวิตามินซีจากอาหารที่บรรจุไปด้วย เช่น ผลไม้และผักสีเขียวหลายชนิด

ประโยชน์ของวิตามินซี

• ช่วยทำให้ผิวพรรณดี ผิวขาวกระจ่างใสดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ

• ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าและทำให้ผิวเต่งตึง ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน

• มีคุณสมบัติที่ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้นอีกด้วย เช่น แผลจากการเป็นสิว

• ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลาย ทำให้ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

“ลูกค้าท่านใดสนใจเป็นเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ที่มีสารสกัดจาก วิตามินซี ทักมาปรึกษาแอดมินได้เลยค่าาา”

1. เนื้อครีม (𝐂𝐫𝐞𝐚𝐦)
เป็นเนื้อผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคยสำหรับคนส่วนใหญ่ เนื้อครีมมีความเข้มข้นสูง จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวหนังลอกจากอากาศเย็นจัด หรือป้องกันการเกิดริ้วรอย เพราะด้วยเนื้อสัมผัสที่หนา และส่วนประกอบของน้ำมันที่เยอะนี่เองจึงทำให้ครีมมีความชุ่มชื้นมากกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ

2. เนื้อเซรั่ม (𝐒𝐞𝐫𝐮𝐦)
เป็นเนื้อสีใส ๆ เนื้อบางเบา ซึมเร็วบางชนิดจะมีลักษณะคล้ายน้ำ บางชนิดจะมีความเหนียว เนื้อเซรั่มส่วนใหญ่จะบางเบา ซึมเร็ว ไม่ทิ้งคราบไว้บนผิว

3. เนื้อโลชั่น (𝐋𝐨𝐭𝐢𝐨𝐧)
เนื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมในท้องตลาด มีลักษณะคล้ายครีม แต่ส่วนประกอบหลักของโลชั่นคือน้ำ จึงทำให้โลชั่นมีลักษณะที่เหลวกว่า ใสกว่า ลักษณะคล้ายเนื้อครีมแต่เหลวกว่า ใสกว่า ซึมง่ายกว่า

4. เนื้อเอสเซนส์ (𝐄𝐬𝐬𝐞𝐧𝐜𝐞)
เอสเซนส์เป็นเนื้อผลิตภัณฑ์ยอดฮิตในแถบเอเซีย เนื้อเหลวขาวขุ่นหรือใส เหลวเป็นน้ำ ซึบซับสู่ผิวได้ง่าย

5. เนื้อเจล (𝐆𝐞𝐥)
สามารถให้ความชุ่มชื้นได้มาก ซึมลงผิวได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ

6. เนื้ออิมัลชั่น (𝐄𝐦𝐮𝐥𝐬𝐢𝐨𝐧)
อีมัลชั่นเหมือนเป็นโลชั่น และเจลผสมกัน มีความเข้มข้นแต่ก็ไม่ข้นจนเกินไป ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี

“ลูกค้าท่านใดสนใจเป็นเจ้าของแบรนด์เนื้อผลิตภัณฑ์แบบไหน ทักมาปรึกษาแอดมินได้เลยค่ะ ผลิตขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 500 ชิ้นเท่านั้น !!!”

จบไปแล้วกับงาน Cosmex 2023 เมื่อวันที่ 7-9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้ บริษัท อิมพีเรียลแกรนด์ อินดัสตรี จำกัด ขอขอบคุณลูกค้า
ที่ให้ความสนใจสร้างแบรนด์กับเราพวกเราพร้อมให้บริการ อย่างสุดความสามารถค่าา

ประโยชน์ของสารสกัดจาก ชาเขียว

• มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดชาเขียวมีสารออกไซด์ (catechins) ที่มีคุณสมบัติทางชีวภาพที่ช่วยลดการเจริญของเชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้า โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอุดตันที่ช่วยลดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุของสิว การใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีสารสกัดชาเขียวอาจช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อบนผิวหน้า

• ลดการอักเสบ สารสกัดชาเขียวมีคุณสมบัติต้านอักเสบที่ช่วยลดความอักเสบและบวมของสิว ซึ่งอาจช่วยให้รอยแดงหรือรอยดำที่เกิดจากสิวลดลงสารสกัดชาเขียวมีส่วนผสมที่เรียกว่าคาเต็คชิน (catechins) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอักเสบที่ช่วยลดการอักเสบบริเวณสิวที่เป็นที่ชัดเจน ทำให้รอยแดงหรือรอยดำที่เกิดจากสิวลดลง

• ควบคุมความมัน สารสกัดชาเขียวสามารถช่วยควบคุมการสร้างมันบนผิวหน้า ทำให้ผิวมีความเป็นมันน้อยลงและลดความหนาของสิว

• สารต้านอนุมูลอิสระ ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่สามารถทำให้สิวแย่ลง

• ช่วยบำรุงผิวป้องกันการเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น รอยด่างดำบนใบหน้า

“ลูกค้าท่านใดสนใจจะเป็นเจ้าของแบรนด์ที่มีส่วนผสมของสารสกัด ชาเขียว ทักมาปรึกษาเราได้เลยค่ะ”

ก่อนเป็นเจ้าของแบรนด์ต้องรู้ไว้ !! ส่วนผสมในสกินแคร์ตัวไหนบ้างที่ใช้ด้วยกันแล้วดี ใช้แล้วปัง ผิวหน้าดีขึ้นแบบไม่รู้ตัว ไปดูกันเลยย !!

1.Hyaluronic Acid + Retinol

ควรใช้ด้วยกันเพราะ จะช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น แข็งแรง
Retiol ช่วยผลัดเซลลืผิวเก่าเราออกไปซึ่งอาจมีผลข้างเคียง ทำให้ผิวแห้ง
ผิวลอก หรือระคายเคือง Hyaluronic Acid จึงมีหน้าที่ส่วนช่วยเติมเต็มน้ำให้กับผิว
ทำให้ผิวชุ่มชื่น ไม่แห้งลอก ลดการอักเสบของผิวได้

2.AHA/BHA + Ceramides

ควรใช้ด้วยกัน เพราะจะช่วยซ่อมแซมและปกป้องผิว
Ceramides จะช่วยปกป้องผิว ให้ผิวอิ่มฟู สดใส
AHA/BHA ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้บางกรณีผิวเราสูญเสียน้ำมัน
ตามธรรมชาติ การใช้ร่วมกับ Ceramides จะช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นอิ่มน้ำมากขึ้น

3.Vitamin C + Sunscreen

ควรใช้ด้วยกัน เพราะจะช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย
Vitamin C ช่วยให้ผิวกระจ่างใส แต่ก็สลายง่ายๆมากเมื่อเจอแสงแดด
ดังนั้นถ้าเราใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีจึงควรทาครีมกันแดดตามนั่นเอง

4.AHA /BHA + Retinol

ควรใช้ด้วยกัน เพราะจะช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย
สามารถใช้ร่วมกันได้ แถมยังให้ประโยชน์กับผิวอีกด้วย ทั้งในเรื่องลดริ้วรอย
จุดด่างดำ ฝ้าฝังลึก เป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว รวมถึงยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นด้วย

5.AHA + BHA

ควรใช้ด้วยกัน เพราะจะช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดสิวอุดตัน
สารทั้ง 2 ตัวก็มีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อยเลย AHA มีหน้าที่หลัก
ในการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ส่วน BHA มีหน้าที่หลักคือทำความสะอาดรูขุมขน และหน้าที่รองคือช่วยผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง

สำหรับใครที่อยากสร้างแบรนด์โดยใช้สารสกัดตัวไหนทักมาปรึกษาแอดมินได้เลยค่าา

สารสกัด BHA และ AHA ต่างกันอย่างไร ? รู้ไว้ก่อนจะเป็นเจ้าของแบรนด์

BHA คืออะไร
Beta Hydroxy Acid (BHA) ซึ่งเป็นสารสกัดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวต่างๆ เช่น ครีมทาหน้า, โทนเนอร์, สารสกัด BHA มักจะใช้เพื่อการบำรุงผิวหน้าและช่วยในการรักษาปัญหาผิวต่างๆ สารสกัด BHA ที่มักจะใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากที่สุดคือ “salicylic acid” (กรดซาลิไซลิก) รดซาลิไซลิกมีคุณสมบัติที่ช่วยลดการอักเสบของผิวและลดการทำงานของต่อมน้ำมันในผิวหน้า เป็นที่นิยมในผลิตภัณฑ์สำหรับผิวที่มีปัญหาสิวและสิวอุดตัน

ประโยชน์ของสารสกัด BHA
– ช่วยลดสิว ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเป็นกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) มีความสามารถในการลดการอักเสบของผิวและช่วยทำความสะอาดต่อมน้ำมันในผิวหน้า ซึ่งทำให้ลดการเกิดสิวและสิวอุดตันได้
– กระชับรูขุมขน ช่วยกระชับรูขุมขนโดยลดการอักเสบและหยุดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและมีสัมผัสนุ่มนวลมากขึ้น
– ลดริ้วรอย การใช้ BHA อย่างต่อเนื่องอาจช่วยในการลดริ้วรอยและริ้วรอยแดงบนผิวหน้า ซึ่งเป็นปัญหาที่พบในผิวหน้าที่เคยเป็นสิว
– ควบคุมความมัน HA ช่วยลดการทำงานของต่อมน้ำมันในผิวหน้า ทำให้ผิวมันน้อยลงนั่นเอง

AHA คืออะไร
Alpha Hydroxy Acids (AHA) หรือสารสกัด AHA มีคุณสมบัติที่ช่วยในการดูแลผิวหน้าและผิวต่างๆ โดยมักนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น ครีมหน้า, โทนเนอร์, และผลิตภัณฑ์สปาหน้า ซึ่งส่วนมากจะสกัดจากผลไม้ชนิดต่าง ๆ

ประโยชน์ของสารสกัด AHA

– ช่วยผลัดเซลล์ผิวเสียและสร้างผิวใหม่ที่สดใสและนุ่มนวล
– ช่วยในการลดริ้วรอยและริ้วรอยแดงบนผิวหน้า
– ช่วยในการลดอาการสิวและสิวอุดตัน
– ช่วยในกระบวนการสมดุลความมันบนผิว
– ช่วยในการทำให้ผิวดูสว่างขึ้นและเรียบเนียน

“ลูกค้าท่านใดสนใจจะเป็นเจ้าของแบรนด์ที่มีส่วนผสมของสารสกัด BHA หรือ AHA ทักมาปรึกษาเราได้เลยค่ะ”

Aloe Vera Extract คือ สารสกัดจากว่านหางจระเข้ สารสกัดที่ได้มาจากสมุนไพรขึ้นชื่อที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี มีวิตามินพร้อมด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณในด้านของความสวยความงาม จึงทำให้มีประโยชน์ในทางเครื่องสำอาง เช่น

ช่วยกระชับรูขุมขน ช่วยทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม ดูชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้านตามหัวเข่า, ข้อศอก หรือส้นเท้าได้

มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีส่วนช่วยชะลอความแก่ชรา และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย

ลดการอักเสบของผิว บรรเทาอาการแสบร้อนหรือระคายเคืองจากการไหม้เกรียมจากแสงแดด

ก่อนเป็นเจ้าของแบรนด์ต้องรู้ไว้ !! ส่วนผสมในสกินแคร์ตัวไหนบ้างที่ไม่ควรใช้ด้วยกันถ้าไม่อยากหน้าพังโดยไม่รู้ตัว ไปทำความรู้จักกันเลย

1.Vitamin C + Benzoyl Peroxide

ไม่ควรใช้ด้วยกันจะทำให้ผิวระคายเคือง/อักเสบ แดง ผิวแห้งตึง คันยุบยิบ
Benzoyl Peroxide คือสารตัวนึงที่ช่วยลดการอุดตันและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวถ้าใช้คู่กับ Vitamin C จะเกิดออกซิเดชั่น ผิวจะยิ่งระคายเคืองได้

2.Vitamin C + Retinol / AHA

ไม่ควรใช้ด้วยกันจะทำให้ประสิทธิภาพในการบำรุงผิวลดลงAHA
ถ้าใช้ร่วมกับ Vitamin C แล้ว จะมีฤทธิ์เป็นกรดมากเกินไป pH ของผิวจะเสียสมดุล และทำให้Vitamin C ประสิทธิภาพลดลง Retinol และ Vitamin C
มีคุณสมบัติคล้ายๆกัน เพราะถ้าเราใช้ทั้งสองตัวนี้ร่วมกัน จะไม่ได้ทำให้ผิวของเราดีขึ้นแต่จะยิ่งไปลดประสิทธิภาพของตัวใดตัวหนึ่งแทน

3.Salicylic + Glycolic

ไม่ควรใช้ด้วยกันจะทำให้ผิวลอกง่าย ผิวแห้ง และผิวอ่อนแอระยะยาวได้ด้วย
สารทั้งสองตัวนี้เป็นกรดที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวทั้งคู่ ไม่ควรใช้ด้วยกันอย่างยิ่งเพราะจะยิ่งทำให้ผิวลอกง่าย แห้ง อ่อนแอ แทนที่จะไปช่วยลดจุดด่างดำ
ริ้วรอย ความหมองคล้ำให้ดีขึ้น กลับทำให้ผิวของเราพังหนักขึ้น

4.BHA + Retinol

ไม่ควรใช้ด้วยกันจะทำให้ผิวบางลง ไวต่อแสงแดดมากขึ้น ทำให้ผิวง่ายต่อการคล้ำเสีย
ทั้งสองตัวนี้ซึ่ง Retinol ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย และ AHA/BHA ก็ช่วยผลัดเซลล์ผิวเช่นกัน ก็จะทำให้ผิวเร่งผลัดผิวแบบคูณสองจะทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ทำให้ง่ายต่อการคล้ำเสีย

5.Niacinamind + Vitamin C

ไม่ควรใช้ด้วยกันจะทำให้เกิดการระคายเคือง
การใช้ Vitamin C ร่วมกับ Niacinamide จะทำให้ผิวที่ควรกระจ่างใสของเรา แลดูหมองคล้ำมากยิ่งขึ้น! เพราะทั้ง 2 สารนี้จะไปลดประสิทธิภาพ
ของกันและกัน ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองขึ้นได้

เป็นยังไงกันบ้างคะ มีใครเผลอใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้ด้วยกันรึเปล่า สำหรับใครที่เผลอใช้ก็ต้องหยุดไว้ก่อนนะคะ
สำหรับใครที่อยากสร้างแบรนด์ทักมาปรึกษาแอดมินได้เลยค่าา